ผู้เขียน หัวข้อ: สอนทำธุรกิจออนไลน์: Google Ads 5 ประเภทที่คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องรู้  (อ่าน 70 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 287
  • ลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
Google Ads ถ้าพูดถึงคำนี้ ขวัญเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยยิงโฆษณากูเกิ้ลแอดอยู่แล้ว หรือพอรู้มาบ้างนะคะ ว่ามันคือการที่เราเอาเว็บไซต์ธุรกิจหรือเฟสบุ๊คแฟนเพจของเราไปโฆษณากับกูเกิ้ล เพื่อที่เวลาคนเสิร์ชคำที่เป็นคีย์เวิร์ดธุรกิจของเรา กูเกิ้ลก็จะแสดงเว็บไซต์ธุรกิจของเราเป็นอันดับแรก ๆ ของการค้นหา อยู่ในหน้าแรกของกูเกิ้ลเลยค่ะ

อันนี้คือที่คนส่วนใหญ่ทราบกัน แต่ทราบหรือไม่คะว่าGoogle Ads แบบนี้ เป็นพียงประเภทเดียวของการโฆษณากูเกิ้ลค่ะ จริง ๆ แล้ว เราสามารถโฆษณากูเกิ้ลแอดได้อีกหลายประเภทเลย รวมไปถึงการโฆษณา Youtube ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาผ่านบัญชีกูเกิ้ลแอดลักษณะหนึ่งนะคะ ขวัญเลยจะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย ๆ ค่ะว่า การโฆษณากับกูเกิ้ลมีทั้งหมดกี่ประเภท มีอะไรบ้าง และที่สำคัญคือจะแนะนำด้วยค่ะว่าแต่ละประเภทเหมาะกับธุรกิจแบบไหน เพื่อที่ทุกคนจะได้เลือกนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเองค่ะ

 
Google Ads มีกี่ประเภท

การแบ่งประเภทโฆษณาของกูเกิ้ลแอดจะแบ่งตามเครือข่ายโฆษณาของกูเกิ้ลค่ะ ซึ่งปัจจุบันจะมีอยู่ทั้งหมด 5 เครือข่ายด้วยกัน จึงมีกูเกิ้ลแอด 5 ประเภทดังนี้ค่ะ

ประเภทที่ 1: Search Ads

เป็นวิธีโฆษณาที่หลายคนรู้จักกันดี นั่นก็คือการโฆษณากับผลการค้นหาของกูเกิ้ลค่ะ เป็นวิธีที่เป็นที่นิยมมากสุดเลยนะคะเพราะในโลกยุคปัจจุบันเวลาที่คนต้องการอะไร มากกว่า 90% เลยจะเสิร์ชหาข้อมูล หาร้านค้า หาผู้ผลิต ผ่านทางกูเกิ้ลเป็นอันดับแรก

วิธีการเสิร์ชของคนทั่วไปก็มีหลายแบบนะคะ ได้แก่

    เสิร์ชเป็นประเภทสินค้า เช่น กล้องวงจรปิด แฟชั่นผู้หญิง รองเท้าวิ่ง ชุดว่ายน้ำ อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เป็นต้น
    ค้นหาบริการ เช่น รับกำจัดปลวก บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่  ร้านล้างรถบริการดีปทุมธานี ฯลฯ
    เสิร์ชหาวิธีแก้ปัญหา อย่างเช่น วิธีกำจัดแมลงสาบ ผมร่วงต้องทำอย่างไร เป็นต้น
    สืบค้นข้อมูลเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ เช่น ประโยชน์ของน้ำมันดอกทานตะวัน เคลือบเงารถดีหรือไม่ เป็นต้น

ซึ่งถ้าเรามีการทำกูเกิ้ลแอดแบบ Search Ads โดยกำหนดคีย์เวิร์ดให้เป็นคำเหล่านี้ เวลาที่มีคนเสิร์ชคำคีย์เวิร์ดดังกล่าว กูเกิ้ลก็จะแสดงเว็บไซต์เราเป็นอันดับแรก ๆ ของการค้นหา ในหน้าแรกของกูเกิ้ล ก็จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเข้าถึงสินค้าหรือบริการของเราได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและเพิ่มยอดขายได้อย่างดีเลยค่ะ เพราะตามสถิติแล้วคนมักจะตัดสินใจซื้อจากบริษัทที่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของผลการค้นหาค่ะ


การโฆษณาแบบSearch Adsนี้ จึงเหมาะกับธุรกิจแทบทุกประเภท แต่ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือ การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ถูกต้อง คือ นอกจากจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจ สินค้า บริการของเราแล้ว ยังจะต้องครอบคลุมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุดด้วยค่ะ ซึ่งในการกำหนดคีย์เวิร์ดนี้ ขวัญจะย้ำเสมอนะคะว่าต้องใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์วางแผนคีย์เวิร์ด ไม่ใช่คิดเอาเองนะคะ เพราะคำที่เราคิดอาจไม่ใช่คำที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการค้นหาก็ได้ค่ะ


ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวขวัญได้เขียนบทความแนะนำแยกต่างหากแต่ละเครื่องมือไว้แล้ว รวมถึงสอนวิธีใช้เครื่องมือแต่ละแบบด้วยนะคะ ซึ่งสามารถเลื่อนไปดูที่ท้ายบความได้ ขวัญมีเขียนชื่อบทความแนะนำไว้ให้สำหรับอ่านเพิ่มเติมกันค่ะ

 
ประเภทที่ 2: Display Ads

Display Ads เปรียบได้กับสื่อโฆษณาออฟไลน์ประเภทภาพโปสเตอร์ตามสถานที่ต่าง ๆ หรือ ป้ายแบนเนอร์ที่เราเห็นเวลาขับรถบนทางด่วนน่ะค่ะ ในโลกออนไลน์ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราสามารถทำได้โดยออกแบบแบนเนอร์โฆษณานำเสนอสินค้าหรือบริการ จากนั้นก็นำไปฝากโฆษณากับเว็บไซต์ดัง ๆ ที่มีคนเข้าเว็บเยอะ ๆ เพื่อที่เวลาที่คนเข้าเว็บเหล่านั้นจะได้เห็นโฆษณาสินค้าหรือบริกาารของเรานั่นเอง โดยที่เวลาเราติดต่อโฆษณาและจ่ายค่าพื้นที่โฆษณาเราก็ต้องติดต่อโดยตรงกับเว็บไซต์ดัง ๆ เหล่านั้นเอง


แต่ในปัจจุบัน เราสามารถทำ display Ads ได้ง่ายขึ้นมาก ๆ ค่ะ ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องไปติดต่อเว็บต่าง ๆ ด้วยตัวเองแล้ว เราสามารถทำการโฆษณาผ่านกูเกิ้ลแอดได้เลย เพราะกูเกิ้ลเป็นพาร์ทเนอร์กับเว็บไซต์ดัง ๆ มากมายทั่วโลก อย่างในภาพตัวอย่างด้านบนที่ขวัญยกมา จะเป็นเว็บไซต์ของ thailandexhibition.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมข้อมูลการจัดงานอีเวนต์ งานแสดงสินค้าทั่วประเทศ จะเห็นว่าในเว็บนี้จะมีการแบ่งส่วนพื้นที่เอาไว้ให้เป็นพื้นที่สำหรับการโฆษณาแบนเนอร์ของGoogle Adsโดยเฉพาะ

หรืออีกตัวอย่างหนึ่งนะคะ เว็บไซต์ชิลไปไหนที่เป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่เช่นกันที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แนะนำโรงแรม ร้านอาหารต่างๆ เป็นเว็บไซต์ชื่อดัง เป็นรู้จักในวงกว้าง มี traffic คนเข้าเว็บเดือนละหลายแสนคน จะเห็นที่ขวัญวงสีแดงเอาไว้ด้านขวามือ อันนั้นจะเป็นโฆษณากูเกิ้ลแอดค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าสมมติว่าธุรกิจเราทำเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก หรือแม้แต่ขายของที่เป็นแนวแฟชั่น หรือ แนวสะสม เราอาจจะสามารถลงโฆษณาแบนเนอร์กับเว็บชิลไปไหนได้ค่ะ

นอกเหนือจากนี้ ในการโฆษณาแบบ Display Ads เราสามารถเจาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเราจริง ๆ ได้ด้วยนะคะ เช่น โรงแรมของเราอยู่ในพัทยา เราสามารถตั้งค่าโฆษณา Display Ads ของเราให้ขึ้นเฉพาะหน้าเว็บไซต์ที่มีคำว่าพัทยาได้ด้วย น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่ไหมคะ


การโฆษณาแบบนี้ ก็เหมาะกับธุรกิจหลากหลายประเภทเช่นกันค่ะ แต่ที่สำคัญคือเราต้องมีภาพถ่ายสินค้า (หรือภาพสถานที่กรณีที่เราเป็นร้าน โรงแรม โชว์รูม) ที่สวยงามน่าเชื่อถือ รวมถึงมีการออกแบบแบนเนอร์ที่สวยงามน่าสนใจ ดูน่าเชื่อถือ ดูเป็นมืออาชีพ มีคำโฆษณาที่เป็นก๊อปปี้ไรต์อย่างดี ทั้งนี้เพื่อดึงดูดให้คนที่เห็นแบนเนอร์เกิดความสนใจอยากคลิกเข้าไปดูรายละเอียดนั่นเองค่ะ

มิฉะนั้นแล้วต่อให้คุณยิงโฆษณาและกูเกิ้ลนำเสนอแบนเนอร์โฆษณาของคุณบนเว็บไซต์ที่ใหญ่มาก ๆ แต่แบนเนอร์คุณไม่สวย ดูไม่น่าเชื่อถือ การโฆษณาของคุณก็จะไม่ประสบความสำเร็จนะคะเพราะไม่มีคนสนใจคลิกเข้าไปดูนั่นเองค่ะ

 
ประเภทที่ 3: YouTube Ads / Video Ads

สำหรับ YouTube Ads หรือ Video Ads นี้นะคะ หลายคนอาจจะงง ๆ ว่าเราสามารถยิงโฆษณาผ่านบัญชีกูเกิ้ลแอดได้ด้วยเหรอ ซึ่งคำตอบคือ สามารถยิงได้แน่นอนค่ะ เพราะทางกูเกิ้ลเป็นเจ้าของ YouTube เช่นกัน และถ้าเราอยากที่จะยิงโฆษณา YouTube Ads เราก็จะต้องมีบัญชีโฆษณาGoogle Ads และเราก็ต้องทำการยิงโฆษณาโดยสร้างแคมเปญผ่านบัญชีโฆษณากูเกิ้ลแอดนั้นค่ะ

การยิงโฆษณา YouTube Ads ก็แบ่งออกเป็นหลายรูปแบบนะคะ ให้ดูที่ตารางสรุปด้านล่างของ Youtube นะคะ ในคอลัมน์แรกที่เป็น Ad Format ให้สังเกตที่เป็นสี่เหลี่ยมสีแดงนะคะ นั่นคือตำแหน่งที่แอดหรือโฆษณาของเราจะแสดงผลให้หน้าจอของ YouTube ค่ะ จะเห็นว่ามีหลายตำแหน่งให้เลือกนะคะ

    Display Ads คือเป็นแบนเนอร์โฆษณาที่ด้านขวามือของหน้าจอ ลักษณะเหมือนกับ Display Ads ของกูเกิ้ลแอดในข้อ 2 เน้นรูปภาพ
    Overlay Ads จะเป็นแบนเนอร์โฆษณาบนหน้าจอคลิปวีดีโอเลย โดยคนดูสามารถกดปิดได้ เราสามารถใส่รูปภาพเล็ก ๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นคำโฆษณามากกว่า
    Skippable Video Ads คนที่เล่น YouTube บ่อย ๆ น่าจะคุ้นชินกับการโฆษณาประเภทนี้ที่สุด เพราะเป็นคลิปโฆษณาที่จะเล่นก่อนวีดีโอหลักที่เรากดเข้าไปดูค่ะ โดยทาง YouTube จะบังคับให้คนดูก่อน 5 วินาทีแรก หลังจากนั้นคนดูก็สามารถเลือกได้ว่าจะดูโฆษณานั้นต่อหรือจะกด Skip Ads ไปเพื่อเข้าสู่วีดีโอหลัก นอกจากนี้ยังมี Video Ads แบบที่มาคั่นระหว่างที่เล่นวีดีโอหลักก็มีนะคะ หลักการคล้าย ๆ การตัดเข้าช่วงโฆษณาของรายการทีวีค่ะ
    Non-skippable Video Ads การแสดงผลเหมือนกันกับ Skippable Video Ads ต่างกันที่ลักษณะนี้ คนดูจะไม่สามารถกด skip ได้ค่ะ ต้องดูจนจบคลิป จึงนิยมตัดต่อให้คลิปมีขนาดสั้น ๆ ไม่เกิน 15-20 วินาทีเท่านั้น เนื้อหากระชับ เข้าใจง่าย เพื่อไม่คนดูรู้สึกรำคาญและรู้สึกไม่ดีกับแบรนด์ค่ะ
    Bumper Ads เป็น Non-skippable Video Ads ที่มีความยาวแค่ 6 วินาที
    Sponsor Cards จะปรากฏเป็นแถบที่ด้านขวาของคลิปวีดีโอค่ะ (ดูตำแหน่งในตาราง) โดยจะเลือกแสดงเป็นสินค้าหรือบริการที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของวีดีโอ

 
ประเภทที่ 4: Shopping Ads

Shopping Ads คือ การแสดงผลโฆษณาในลักษณะของหน้าต่างรายการสินค้าให้เราเลือกช้อปปิ้งได้ทันที ข้อดีของโฆษณาแบบนี้นอกจากตำแหน่งการแสดงผลที่ดีมาก ๆ คือ จะมีการแสดงผลก่อนที่จะเป็นลิงค์ของเว็บไซต์เสียอีก ทำให้เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และยังอำนวยความสะดวกในการซื้อด้วยการลิงค์ไปยังหน้าช้อปปิ้งของเว็บไซต์ธุรกิจของเราได้เลย จึงช่วยได้อย่างมากในเรื่องของการสร้างยอดขาย

แต่อย่างไรก็ตาม ข้อควรรู้สำหรับคนที่ต้องการจะทำโฆษณาแบบ Shopping Ads คือ ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์จะสามารถทำได้นะคะ การจะโฆษณาแบบ Shopping Ads มีเงื่อนไขที่เราต้องทำให้ครบทั้ง 2 เงื่อนไขนี้เสียก่อน เราถึงจะมายิงโฆษณาแบบ Shopping Ads ได้ค่ะ นั่นก็คือ

    เงื่อนไขที่หนึ่ง เราจะต้องมีเว็บไซต์ที่เป็น E-Commerce Website เสียก่อนนะคะ กล่าวคือเว็บไซต์ของเราจะต้องติดตั้งระบบตะกร้าสินค้าออนไลน์สำหรับให้ลูกค้าสามารถเลือกช้อปปิ้งผ่านเว็บไซต์ของเราได้
    เงือนไขที่สอง เราจะต้องไปสมัคร Google Merchant Center ให้เรียบร้อยเสียก่อน เพราะ Google Merchant Center เป็นเครื่องมือที่ช่วยในเรื่องของการอัพโหลดข้อมูลร้านค้า สินค้า ของเราไปยัง Google ค่ะ ก็ไปลงทะเบียนให้เรียบร้อยเสียก่อนนะคะ โดยสามารถเข้าไปลงทะเบียนสมัครร้านค้าได้ที่ หน้า Google Merchant Center ใน Official Website ของ Google ได้เลยค่ะ

 
ประเภทที่ 5: App Ads

อาจจะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในกลุ่มธุรกิจ SMES หรือ สินค้าทั่วไปนะคะ เพราะ App Ads จะเหมาะกับธุรกิจที่มีแอพพลิเคชั่น ดังนั้นในช่วงแรก ๆ คนจึงยังไม่ค่อยใช้โฆษณาแบบนี้เท่าไหร่ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาที่ธุรกิจขนาดใหญ่หลาย ๆ เจ้าเริ่มนิยมสร้างแอพพลิเคชั่นของธุรกิจตัวเอง เช่น Central, Tops Supermarket, 7-11 เป็นต้น การโฆษณา App Ads จึงเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแอพฯในไอโฟน หรือแอนดรอย โดยวัตถุประสงค์หลักของการโฆษณาแอพก็คือต้องการให้คนทำการติดตั้งแอพฯของเราเยอะ ๆ นั่นเองค่ะ

จากที่กล่าวมาทั้งหมดก็จะเป็น 5 ประเภทของกูเกิ้ลแอดที่เราสามารถยิงโฆษณาผ่านบัญชีกูเกิ้ลแอดได้เลย อยากให้ทุก ๆ ท่านไปปรับใช้ดูกับธุรกิจของตัวเองดูนะคะ


สอนทำธุรกิจออนไลน์: Google Ads 5 ประเภทที่คนทำธุรกิจออนไลน์ต้องรู้อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/