ผู้เขียน หัวข้อ: กระบี่ เมืองน่าเที่ยว สวรรค์ของคนรักทะเล  (อ่าน 118 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 521
  • ลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
กระบี่ เมืองน่าเที่ยว สวรรค์ของคนรักทะเล
« เมื่อ: วันที่ 24 ธันวาคม 2023, 19:43:02 น. »
กระบี่  เมืองชายทะเลในฝัน งดงามด้วยหาดทรายขาว น้ำทะเลใส ปะการังสวย ถ้ำโตรกชะโงกผา และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 100 เกาะ รวมกันเป็นมนตร์เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือน..."กระบี่" เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 814 กิโลเมตร มีเนื้อที่ 4,708 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขา ที่ดอน ที่ราบ หมู่เกาะน้อยใหญ่ อุดมไปด้วยป่าชายเลน ตัวเมืองกระบี่มีแม่น้ำยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไหลผ่านลงสู่ทะเลอันดามันที่ตำบลปากน้ำ

         
นอกจากนี้ยังมีคลองปกาสัย คลองกระบี่ใหญ่ และคลองกระบี่น้อย มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกระบี่ คือเทือกเขาพนมเบญจา จากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานได้ว่าบริเวณเมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์

         
กล่าวกันว่าดินแดนนี้แต่เดิมคือ เมืองบันไทยสมอ 1 ใน 12 เมืองนักษัตรที่ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมือง ขึ้นกับอาณาจักรนครศรีธรรมราช และยังมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับชื่อเมืองกระบี่ว่าอาจมาจากความหมายที่แปลว่า "ดาบ" เนื่องจากมีตำนานเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับการขุดพบมีดดาบโบราณก่อนที่จะสร้างเมือง (โห... นับว่าเป็นความรู้รอบตัวที่น่ารู้มาก ๆ เลยนะเนี่ย)


สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่น่าสนใจในจังหวัดกระบี่นั้นมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น...

"อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา" มีเนื้อที่ประมาณ 152 ตารางกิโลเมตร ในอำเภอเกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ที่สำคัญได้แก่ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะเล็งเบ็ง และเกาะใกล้เคียง รวมไปถึงหมู่เกาะห้า หมู่เกาะรอก และเกาะไหง

"เกาะลันตาน้อย" เป็นเกาะที่เป็นชุมชนของชาวเกาะลันตาในอดีตมาก่อน มีที่ว่าการอำเภอ มีโรงเรียนวิถีชีวิตแบบเก่า ๆ บ้านเรือนโบราณก็ยังมีให้พบเห็น

"เกาะลันตาใหญ่" มีรูปร่างยาวเรียวจากเหนือมาใต้ ศูนย์กลางธุรกิจของเกาะอยู่ที่บริเวณท่าเรือศาลาด่าน ซึ่งมีทั้งบริการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ธนาคาร (โห... ครบเลย) ด้านตะวันตก เรียงรายไปด้วยชายหาดและอ่าวที่สวยงามมากมาย ได้แก่ หาดคอกวาง หาดโละบารา อ่าวพระแอะ หาดคลองโขง หาดคลองนิน และมีถนนตัดจากท่าเรือตอนเหนือผ่านชายหาดต่าง ๆ ไปจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตาซึ่งอยู่ตอนใต้สุดของเกาะ บนเกาะลันตาใหญ่มีที่พักเอกชนเปิดให้บริการมากมาย ฤดูท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม


"สุสานหอย" อยู่บริเวณชายทะเลบ้านแหลมโพธิ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร สภาพเป็นลานหินกว้างยื่นลงไปในทะเล เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเห็นเป็นซากหอยอัดแน่นจนกลายเป็นหาดหินริมทะเล ทั้งนี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา โดยบริเวณนี้เดิมเป็นหนองน้ำจืดขนาดใหญ่ มีหอยอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะหอยขม ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณพื้นผิวโลก และน้ำทะเลไหลมาท่วมหนองน้ำ ทำให้ธาตุหินปูนในน้ำทะเลหุ้มเปลือกหอยจนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นแผ่นหินแข็งหนาประมาณ 40 เซนติเมตร ต่อมาแผ่นดินถูกยกตัวขึ้นจึงปรากฏเป็นลานหินกว้างใหญ่ริมทะเล จากการคำนวณอายุทางธรณีวิทยาพบว่าฟอสซิลเหล่านี้มีอายุราว 40 ล้านปี (อู้ว... สุดยอด !!)

"อ่าวนาง" เป็นหาดทรายทอดยาว มีถนนเลียบชายหาด เป็นที่ตั้งของร้านค้า ที่พัก บริษัทนำเที่ยวหลายแห่ง ทิวทัศน์โดยรอบสวยงามด้วยภูเขาหินปูนสูงตระหง่าน เป็นจุดเช่าเรือไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่ หาดไร่เลย์ ถ้ำพระนาง และเกาะต่าง ๆ ในทะเลกระบี่ จากตัวเมืองมีรถสองแถวไปยังอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

"หาดไร่เลย์" เป็นหาดทรายสีขาวละเอียดริมโตรกผา เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา แบ่งออกเป็นหาดไร่เลย์ตะวันออก และหาดไร่เลย์ตะวันตก มีโขดหินคั่นระหว่างหาดทั้งสอง บริเวณหาดมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวหลายแห่ง เดินทางเข้าถึงได้โดยทางเรือจากอ่าวนางใช้เวลา 10 นาที

"หมู่เกาะปอดะ" อยู่ทางทิศใต้ของอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส บริเวณชายฝั่งของเกาะจะมองเห็นแนวปะการังหลากชนิดที่ยังสมบูรณ์ จึงเป็นแหล่งดึงดูดของนักท่องเที่ยวให้เที่ยวชมได้เกือบตลอดปี และเป็นจุดที่ตกปลาได้ดีเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากลมมรสุมมากนัก สามารถเช่าเรือได้จากบริเวณอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 25 นาที ใกล้ ๆ กับเกาะปอดะเป็นที่ตั้งของเกาะทัพ เกาะหม้อ เกาะหัวขวาน เกาะไก่ ซึ่งมีสันทรายเชื่อมต่อกันสวยงามมองเห็นได้เวลาที่น้ำลง

"หมู่เกาะพีพี" เป็นหมู่เกาะกลางทะเล อยู่ห่างจากอำเภอเมือง 42 กิโลเมตร เดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า "ปูเลาปิอาปิ" คำว่า "ปูเลา" แปลว่า เกาะ คำว่า "ปิอาปิ" แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสมและโกงกาง ต่อมาเรียกว่า "ต้นปีปี" ซึ่งภายหลังกลายเสียงเป็น "พีพี" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งบุปผาใต้สมุทร

นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวหมู่เกาะนี้ส่วนใหญ่มาเพื่อดำน้ำดูปะการังดอกไม้ทะเลและปลาหลากสีสันที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทางเดินเรือกระบี่–ภูเก็ต-หมู่เกาะพีพี ประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน ซึ่งแต่ละเกาะมีหาดทรายสวย น้ำทะเลใส เห็นแล้วแทบอดใจไม่ไหวอยากลงไปเล่นน้ำเร็ว ๆ อิอิ

"อ่าวมาหยา" ตั้งอยู่บนเกาะพีพีเล ถือว่าเป็นทะเลที่สวยงามจับใจไม่แพ้ทะเลขึ้นชื่อที่อื่น ๆ ในโลก แต่เพิ่งมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เรียกนักท่องเที่ยวให้มาเยือนอ่าวมาหยาไม่ขาดสายก็ตอนที่กองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง เดอะ บีช (The Beach) แสดงนำโดยพระเอกหนุ่ม ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ ยกกองมาถ่ายทำฉากในหนังที่อ่าวมาหยาแห่งนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะบรรยากาศของสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยเขาหินปูน ลักษณะอ่าวเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์ น้ำทะเลสีเขียวมรกตสดใส กับหาดทรายสีขาวบริสุทธิ์นุ่มเท้าด้วย ที่เรียกร้องให้นักท่องเที่ยวอยากมาสัมผัสบรรยากาศทะเลที่แสนงดงามแห่งนี้ด้วยตาตัวเอง

"ทะเลแหวก" ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากอิทธิพลของน้ำขึ้นและน้ำลง ทำให้เกิดเป็นสันทรายสีขาวสะอาดเชื่อมเกาะทัพ เกาะหม้อ และเกาะไก่ (สามเกาะนี้อยู่ใกล้กับเกาะปอดะ) ทอดตัวยาวสวยงาม โดยจะเกิดขึ้นก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน นักท่องเที่ยวสามารถเดินชิลไป-มาระหว่างเกาะได้ ทั้งนี้แนะนำให้มาเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม เพราะจะได้เห็นทะเลแหวกแบบสวยสุด ๆ เลยล่ะ

"เขาขนาบน้ำ" เป็นเขาสองลูกสูงประมาณ 100 เมตร ขนาบแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมือง ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาที นอกจากนั่งเรือชมเขาและป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์แล้ว ยังสามารถเดินขึ้นไปเที่ยวถ้ำได้ ภายในมีหินงอกหินย้อย และเป็นสถานที่ที่เคยพบโครงกระดูกมนุษย์จำนวนมากอีกด้วย แต่ปัจจุบันไม่หลงเหลืออยู่แล้ว สันนิษฐานว่าอาจเป็นโครงกระดูกของกลุ่มคนที่อพยพมาตั้งหลักแหล่ง แต่ล้มตายลงเนื่องจากเกิดอุทกภัยอย่างฉับพลัน และสำหรับนักนิยมพายเรือแคนู บริเวณนี้เหมาะที่จะพายเรือแคนูเพราะมีธรรมชาติที่เขียวชอุ่มด้วยป่าชายเลนและน้ำนิ่ง

         
นอกจากนั้นไม่ห่างจากเขาขนาบน้ำจะมีชุมชนชาวเกาะกลาง ที่บนเกาะจะมีหอพิพิธภัณฑ์และศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านแสดงเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ของที่ระลึกฝีมือชาวบ้าน อาทิ เรือโทงเทง และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน การทอผ้าฝ้าย การเลี้ยงปลาในกระชัง นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือจากท่าเรือเทศบาล บริเวณเขาขนาบน้ำ ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

"พิพิธภัณฑสถานวัดคลองท่อม" ตั้งอยู่บริเวณวัดคลองท่อม บนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 71-72 ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อมประมาณ 1 กิโลเมตร พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เก็บสะสมสิ่งของและวัตถุโบราณจำนวนมากมาย ที่ขุดค้นพบได้ในบริเวณที่เรียกว่า "ควนลูกปัด" อันเป็นเนินดินหลังวัดคลองท่อม อาทิ เครื่องมือหิน เครื่องประดับซึ่งทำจากหินและดินเผา รูปสัตว์ต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกปัดอันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ของมนุษย์สมัยเมื่อ 5,000 ปีเศษมาแล้ว เปิดให้เข้าชมเวลา 08.30-11.00 น. และ 13.00-17.00 น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม (ดีจริง ๆ)


"อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี" แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่มีความน่าสนใจมากมาย ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน ป่าพรุ ป่าชายหาด และเกาะต่าง ๆ รวมทั้งสังคมพืชน้ำใต้ท้องทะเล จึงสามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้หลากหลายตามความสนใจเฉพาะบุคคล โดยมีกิจกรรมน่าทำ เช่น เดินเล่นชมน้ำตกธารโบกขรณี ซึ่งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยาน มีลักษณะเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ไล่ระดับกัน ทางด้านเหนือมีมณฑปพระพุทธบาทจำลองแกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง

ท่องโลกสุดยอดทะเลสวยของ "หมู่เกาะห้อง" ที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เช่น เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น  โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาบิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด หมู่เกาะห้องแห่งนี้เต็มไปด้วยมนตร์สะกดจากน้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา บนเกาะห้องมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะยังสามารถพายเรือแคนูได้

"อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา" เป็นอุทยานทางบกแห่งเดียวของจังหวัดกระบี่ มีเนื้อที่ 31,325 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง อำเภออ่าวลึก และอำเภอเขาพนม มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนในแนวเหนือจรดใต้ มียอดเขาพนมเบญจาซึ่งสูง 1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งสูงที่สุดในกระบี่ มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงามทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และมีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น สมเสร็จ เลียงผา หมีควาย เสือปลา มีนกที่สามารถพบเห็นได้กว่า 218 ชนิด เช่น นกอินทรี นกเงือก นกหัวขวาน เป็นต้น 

"ถ้ำเสือเขาแก้ว อ่าวลูกธนู" ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำเสือในตำบลกระบี่น้อย ห่างจากตัวเมืองกระบี่ไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) แล้วแยกซ้ายเข้าถนนราษฎร์พัฒนา (ทางหลวงหมายเลข 4037) ไปประมาณ 9 กิโลเมตร เหตุที่ได้ชื่อว่า "ถ้ำเสือ" เพราะว่าบริเวณถ้ำด้านหน้าของทิวเขาอ่าวลูกธนูหรือที่เรียกว่า "เขาแก้ว" เคยมีเสือโคร่งขนาดใหญ่อาศัยอยู่ และภายในถ้ำยังปรากฏหินธรรมชาติเป็นรูปอุ้งเท้าเสือ สภาพโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นสวนป่า แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่อายุนับร้อยปีในหุบเขาคีรีวงศ์ และเนื่องจากมีเขาล้อมอยู่ทุกด้าน จึงมีถ้ำเล็ก ถ้ำน้อยอยู่มากมาย เช่น ถ้ำคนธรรพ์ ถ้ำลอด ถ้ำช้างแก้ว ถ้ำลูกธนู ถ้ำพระ เป็นต้น บริเวณนี้นอกจากเป็นที่ตั้งของวัด ยังเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญถึงสองสมัย คือสมัยก่อนประวัติศาสตร์และสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ มีการขุดพบเครื่องมือหิน เศษภาชนะดินเผา พระพิมพ์ดิบ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีเส้นทางเดินป่าและเส้นทางขึ้นจุดชมวิวบนยอดเขา ไปตามบันไดสูง 1,272 ขั้นด้วย

"น้ำตกร้อนคลองท่อม" ตั้งอยู่บริเวณบ้านบางคราม-บ้านบางเตียว อยู่ห่างจากอำเภอเมืองกระบี่ตามถนนเพชรเกษม (กระบี่-ตรัง) ประมาณ 45 กิโลเมตร จากนั้นแยกเข้าถนนสุขาภิบาล 2 ตรงที่ว่าการอำเภอคลองท่อมไปอีก 12 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนแห่งหนึ่งในบรรดาน้ำพุร้อนอีกหลายแห่งที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณนี้ น้ำจะไม่ร้อนมาก มีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส เป็นน้ำร้อนที่ซึมขึ้นมาจากผิวดินซึ่งมีป่าละเมาะปกคลุมร่มรื่น สายน้ำไหลไปรวมกันตามความลาดเอียงของพื้นที่ บางช่วงมีควันกรุ่นและคราบหินปูนธรรมชาติพอกอยู่เป็นชั้นหนา ทำให้เกิดทัศนียภาพสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะบริเวณที่ธารน้ำร้อนไหลลงสู่คลองท่อมลดระดับเกิดเป็นลักษณะคล้ายชั้นน้ำตกเล็ก ๆ

"สระมรกต"  สระน้ำสวยใสใจกลางป่า กำเนิดมาจากธารน้ำอุ่นในผืนป่าที่ราบต่ำภาคใต้ เป็นน้ำพุร้อนลักษณะเป็นสระน้ำร้อน 3 สระ น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต มีอุณหภูมิประมาณ 30-50 องศาเซลเซียส รอบ ๆ บริเวณเป็นป่าร่มรื่นเขียวครึ้ม มีพรรณไม้ที่น่าสนใจ รวมทั้งนกที่หาดูได้ยาก เช่น นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล และนกเงือกดำ โดยมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติทีนา โจลิฟฟ์ (ทุ่งเตียว) ซึ่งตั้งชื่อตาม คุณทีนา โจลิฟฟ์ ชาวอังกฤษ ผู้ริเริ่มความคิดที่จะรักษาอนุรักษ์ป่าดิบชื้นผืนนี้ไว้ไม่ให้ถูกทำลาย เพื่อเป็นการระลึกถึงความตั้งใจและเป็นอนุสรณ์สำหรับคุณทีนา จึงตั้งชื่อเส้นทางศึกษาธรรมชาติเส้นนี้ว่า เส้นทางศึกษาธรรมชาติทีนา โจลิฟฟ์ (ทุ่งเตียว)

         
ทั้งนี้เส้นทางเดินศึกษานี้มีระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางจะมีป้ายสื่อความหมายที่จะคอยบอกเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในป่าให้นักเดินทางได้ศึกษาหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ก่อนถึงสระมรกตของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม ประมาณ 800 เมตร เส้นทางจะผ่านผืนป่าเล็ก ๆ ซึ่งเป็นป่าที่ราบต่ำที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยทางภาคใต้ของประเทศไทย เส้นทางนี้จะแสดงลักษณะของป่าดิบชื้นที่ราบต่ำอย่างแท้จริง ภายหลังได้มีการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางครามขึ้น

         
หรือจะไปเที่ยว "อ่าวท่าเลน" แหล่งพายเรือคายักของจังหวัดกระบี่ บริเวณเป็นโตรกผาสูงตระหง่าน น้ำทะเลสีเขียวใส เป็นเส้นทางพายเรือชมธรรมชาติที่สวยงามอีกที่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามจังหวัดกระบี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกเพียบ หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่มีหัวใจรักในการเดินทาง และกำลังมองหาที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ อย่าลืมคิดถึงกระบี่นะคะ รับรอง... คุณจะหลงใหลกลิ่นอายทะเลและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติสุด ๆ ของที่นี่แน่นอน


การเดินทาง

          - รถยนต์

          1. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดเพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง-พังงา-กระบี่ ระยะทาง 946 กิโลเมตร

          2. จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ถึงจังหวัดชุมพร จากชุมพรใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านอำเภอหลังสวน อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าอำเภอเวียงสระ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4035 ถึงอำเภออ่าวลึก แล้ววกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 อีกครั้งหนึ่ง ถึงจังหวัดกระบี่ ระยะทาง 814 กิโลเมตร

          - รถไฟ

          จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ มาลงที่สถานีรถไฟจังหวัดตรัง หรือสถานีรถไฟทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นต่อรถโดยสาร หรือรถแท็กซี่รับจ้างเข้าจังหวัดกระบี่ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร. 1690, 0-2223-7010, 0-2223-7020

          - รถโดยสารประจำทาง

          มีรถออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี ไปจังหวัดกระบี่ทุกวัน และจากสถานีขนส่งภูเก็ตมีบริการรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดกระบี่ทุกวัน

          - เครื่องบิน

          มีบริการเที่ยวบินระหว่างกรุงเทพฯ-กระบี่ ทุกวัน ท่าอากาศยานกระบี่ อยู่ที่ถนนเพชรเกษมทางไปอำเภอเหนือคลอง ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร สามารถสอบถามตารางบินและข้อมูลเพิ่มเติมจากสายการบินต่าง ๆ

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

          - สำนักงานจังหวัด โทร. 0-7561-1381
          - ประชาสัมพันธ์จังหวัด  โทร. 0-7561-2611
          - สถานีตำรวจภูธร โทร. 0-7561-1222
          - สถานีขนส่ง โทร. 0-7561-1804
          - ที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง โทร. 0-7561-1097
          - กรมศุลกากร  โทร. 0-7561-1350
          - โรงพยาบาลกระบี่ โทร. 0-7561-1227, 1669
          - การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163, 0 7561 2811-2

ทิปส์ท่องเที่ยวกระบี่

          - นั่งเรือหางยาวไปไร่เลย์ ลงเรือที่อ่าวนางสะดวกที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ลงเรือที่นี่ ทำให้ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีเท่านั้น

          - ตรวจสอบเวลาน้ำขึ้นน้ำลงก่อนไปเที่ยวสุสานหอยบ้านแหลมโพธิ์ ควรไปช่วงน้ำลง เพราะจะได้เห็นฟอสซิลหอยดึกดำบรรพ์อายุ 40 ล้านปีอย่างเต็มตา ช่วงน้ำขึ้นนั้นสุสานหอยจะจมอยู่ใต้น้ำ

          - ถ้าไปเที่ยวสระมรกต น้ำตกร้อน อย่าลืมเตรียมชุดไปแช่น้ำอุ่นด้วย โดยเฉพาะที่น้ำตกร้อน มีพื้นที่ที่เป็นอ่างน้ำธรรมชาติ นอนแช่ได้สบายตัว ควรไปในวันธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


กระบี่ เมืองน่าเที่ยว สวรรค์ของคนรักทะเล อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ bit.ly/3LBcU5t