ผู้เขียน หัวข้อ: ซ่อมบำรุงอาคาร: เครื่องมือช่างไฟฟ้า ที่สมควรมีไว้ติดบ้าน  (อ่าน 119 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 520
  • ลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
เครื่องมือช่างไฟฟ้า และอุปกรณ์เครื่องมือไฟฟ้า เป็นเครื่องมือช่าง ที่เราควรมีไว้ติดบ้านเมื่อยามฉุกเฉิน ไฟดับ หรือไฟลัดวงเราก็จะสามารถทำการซ่อมแซมปรับปรุงระบบไฟฟ้าภายในบ้านเราเองได้ไม่ต้องโทรเรียกช่าง

ดังนั้นถ้ายามจำเป็นแล้วไม่มีเครื่องมือเหล่านี้รับรองว่า เราจะต้องหาคนมาซ่อมแซมนานเลย ดังนั้นเรามาดูก่อนเลยว่าเครื่องมือช่างสำหรับซ่อมแซมไฟฟ้า นั้นมีอุปกรณ์ช่างแบบไหนบ้าง

ไขควงเช็คไฟฟ้า หรือ ไขควงลองไฟ (Test Lamp)
ไขควงเช็คไฟหรือ ไขควงลองไฟเป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้าที่ไช้สำหรับตรวจสอบว่า ในจุดใดจุดหนีงของสายไฟ หรือจุดรวมสายไฟ หรือเต้ารับสวิตซ์นั้น มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านหรือไม่ ซึ่งในส่วนประกอบของไขควงเช็คไฟหรือ ไขควงลองไฟนี้มีหลอดไฟอยู่ภายในส่วนของด้ามแต่ผู้ผลิตจะออกแบบดีไซน์ให้สะดวก และง่ายต่อการใช้งาน


โดยมากจะออกแบบให้เป็นไขควงชนิดหัวแบนเล็ก เพื่อสะดวกในการตรวจสอบเฉพาะจุดไฟฟ้าเมือนำปลายหัวไขควงเช็คไฟหรือ ไขควงลองไฟแตะสัมผัสกับโลหะที่เป็นตัวนำไฟฟ้า โดยต่อเชื่อมเข้ากับสายไฟเส้น Line (ไลน์) ซึ่งเป็ นสายที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ หากมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านในโลหะตัวนำดังกล่าว หลอดไฟภายในด้ามไขควงเช็คไฟจะพลันสว่างขึ้นทันที


แต่หากจุดๆ นั้นไม่มีกระแสไฟไหลผ่าน ตัวยอาจจะเป็นเพราะไม่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้ามาจากต้นทางหรือโลหะตัวนานนได้เชี่อมต่อกับเส้น Neutron (นิวตรอน) ซึ่งเป็นสายที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า หลอดไฟก็จะไม่ติดสว่างขึ้นเลย ดังนั้นหากนำไขควงเช็คไฟนี้ไปตรวจสอบรูปลั๊กเต้ารับ ทั้งสองรูจะต้องมีรูใดรูหนึ่งที่ทำให้หลอดไฟในไขควงเช็คไฟติดสว่างขึ้น (ไฟฟ้าระบบมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านที่เส้น Line เพียงเส้นเดียว) แต่หากปรากฏว่าหลอดไฟเกิดติดสว่างทั้งสองรูปลั๊กเต้ารับแล้ว


นั่นหมายถึง การต่อไฟฟ้าผิดวงจร ตัดกระแสไฟฟ้าที่ต้นทางทันที่เพื่อรีบหาสาเหตุ แต่กรณีที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่กรณีเดียวกันกับจุดเข้าสายของสวิตซ์หลอดไฟ เนื่องจากจุดเข้าสายทั้งสองจุดของสวิตซ์ต้องเชื่อมต่อกับสายไฟเส้นเดียวกันทำการเปิดสวิตช์ไฟกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน เช่นนั้น หากคุณนำไขควงเช็คไฟหรือ ไขควงลองไฟไปแตะสัมผัส หลอดไฟในด้ามไขควงย่อมจะติดสว่างขึ้นทั้งสองจุด เพราะเป็นสายไฟเส้นเดียวกันนั่นเอง

ข้อควรระวังของไขควงเช็คไฟฟ้าหรือ ไขควงลองไฟก็คือ อย่านำไขควงเช็คไฟไปใช้งานขันสกรูหนักจนเกินไป เช่น ขันสกรูยดติดกับผนัง เป็นต้น ซึ่งการนำเครื่องมือช่างไปใช้ผิดประเภทงาน อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ เครื่องมือช่าง และอาจเกิดอันตรายกับตัวเราเอง ในขณะที่ใช้งานเพื่อตรวจสอบกระแสไฟฟ้าในโอกาสต่อไป


ไขควงปากสี่แฉก ไขควงปากแบน และไขควงบล็อก ชนิดมีฉนวนหุ้มปลอดภัย

ไขควงเป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้าที่ใช้ขันสกรูหรือนอต เช่น การใช้งานเกี่ยวกับไสสวิตซ์ไฟ ต่อฟิวส์ขดลวด หรือใช้ในการติดตั้ง หรือถอนการติดต้ง อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆเพื่อขันหรือถอนตะปูเกลียวและนอต ให้แน่นยึดติดกับผนังหรือคาน เป็นต้น

โดยมากไขควงที่มักจะมีไว้ในบ้านเรือนจะมีหลายขนาด ซึ่งแล้วแต่ความปรารถนาและโอกาสของผู้เป็นเจ้าของบ้าน แต่จะขอแนะนาว่า เราควรหาไขควงทั้งสามชนิดนี้ไว้ โดยให้ได้เป็นชุดขนาดกลางที่เหมาะสำหรับการขนสกรูหรือนอต ทั่วไป


ซึ่งจะสามารถทนแรงกดได้มากหน่อย และไขควงชุดเล็กอีกหนึ่งชุด ที่เหมาะสำหรับใช้งานขันสกรูและน้อตแบบเบา เช่น การขันสกรูเข้าสายไฟในปลั๊กสวิตซ์ หรือเบรกเกอร์ เป็นต้น ส่วนในการเลือกหาชุดไขควงมาไว้ใช้งานเกี่ยวกับการงานไฟฟ้านี้ ไขควงทุกประเภทนั้นจะต้องมีฉนวนหุ้มที่หนาและปลอดภัยได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของเราเอง


คีมปากยาว คีมรวม คีมตัด

คีม คือ เครื่องมือที่ใช้ดัด ตัด งอ และปลอกสายไฟ ซึ่งเครื่องมือชนดนี้จะช่วยให้เข้าสายไฟไปยังจุดเข้าสายทุกจุดต่อภายในบ้านได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องใช้มือดัดโค้งหรืองอ สายไฟที่แข็ง และบางทีอาจแหลมคมอีกด้วย คีมเป็นหนึ่งในเครื่องมือช่างไฟฟ้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ในส่วนของคีมทั้ง 3 ประเภทนี้ จะต้องนำไปใช้งานให้เหมาะสม เช่น

คีมปากยาวหรือคีมปากจิ้งจก จะใช้สำหรับการเข้าสายไฟแข็งหรืออ่อน และยังสามารถโค้งดัดสายไฟให้ได้รูปแบบตามที่ต้องการอีกด้วย

คีมรวมหรือคีมปากจระเข้ จะใช้สำหรับบิดรวมสายไฟแข็งตั้งแต่ 2 เส้นขึ้นไป หรือการต่อสายนั้นจำเป็นจะต้องพันตีเกลียวหมุนรอบ เพื่อความแน่นหนาทนทาน และป้องกันไม่ให้จุดต่อสายหลวมหลุด ซึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดประกายไฟขึ้นได้โดยง่าย

คีมตัดหรือคีมตัดสายไฟ จะใช้สําหรับตัดสายไฟทั้งอ่อนและแข็ง อีกทั้งยังมีช่องสำหรับปลอกสายไฟ เพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในการทำงานได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

โดยมากแล้ว คีมทุกประเภทจะมีคุณสมบัติในการตัดสายไฟอ่อนและแข็งได้เหมือนกัน แต่ประสิทธิภาพในการตัดย่อมแตกต่าง หากเทียบกับคีมตัดที่ให้ใช้งานในการตัดสายไฟโดยเฉพาะ และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรลืมก็คือ คีมทุกประเภทที่จัดหามานั้น จะต้องมีด้ามจับเป็นฉนวนหุ้มที่หนา ไม่เลื่อนหลุดออกจากตัวด้ามจับโดยง่าย เพี่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในขณะที่ใช้งาน


เทปกาวพันสายไฟ

เทปกาวพันสายไฟ โดยมากจะมีลักษณะเป็นม้วน และทำด้วยวัสดุทีเป็นฉนวนกันไฟอย่างดี เช่น พีวีซี เรือยาง เป็นต้น เพื่อใช้สำหรับพันสายไฟที่เป็นจุดต่อรวมสายไฟทังชนิดอ่อนและแข็ง หลังจากที่เราต่อสายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเทปกาวพันสายไฟนี้ จะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟฟ้ารั่วออกจากจุดรวมสายนั้น

และสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวังคือ การพันเก็บสายไฟชนิดแข็ง ที่บางครังรอยตัดแหลมคม ของเส้นทองแดง อาจแทงทะลุเทปกาวพันสายไฟออกมาได้ ซึ่งเป็นอันตรายที่ต้องระมัดระวังรอบคอบเป็นอย่างมากเป็นเทปพันสายไฟเป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้า ที่จะขาดไม่ได้เลยทีเดียว


ค้อน

ค้อนนี้ใช้สำหรับการตอกเดินสาย หรืออาจเป็นการใช้งานอย่างอื่น ทีเกี่ยวข้องกับการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องมือช่างไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช่งานตอกยึดที่หนักมากจนเกินไป เช่น การติดตั้งตู้คอนโทรล เป็นต้น ซึ่งในจำนวนของค้อนสำหรับใช้งานไฟฟ้านี้ อาจมีมากมายหลายชนิด เช่น ค้อนหงอนทีทำด้วยเหล็กด้านหน้าเรียบ และหงอนด้านบนใช้ สาหรับงานถอนตะปู และคอนเหลี่ยมเล็กที่ใช้ตอกตะปูสายรัดในการเดินสายไฟนันเอง


คัตเตอร์หรือมีดชนิดที่มีฉนวนหุ้มปลอดภัย

คัตเตอร์และมีดปอกสายไฟนี้ จะต้องมีลักษณะทีเหมาะมือ ในการกรีดสายไฟชนิดต่างๆ เพื่อลอกเปลือกฉนวนนั้นออกจากเส้นลวดตัวนำ ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวจะต้องมีฉนวนหุ้มที่หนาเพื่อป้องกันอันตรายทีอาจจะเกิดขึ้นในขณะใช้เครื่องมือช่างไฟฟ้าได้


เหล็กนำศูนย์

ในการใช้งานของเหล็กน้าศูนย์นี้ จะใช้ในโอกาสที่ต้องการจะเดินสายไฟบนผนังคอนกรีต หรือใช้ในการนำร่องของรูตะปูหรือดอกสว่าน ในการติดตั้งอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าบนผนังคอนกรีตนั้น


เทคนิคหนึ่งที่ขอแนะนำในการดัดแปลงการใช้งานของเหล็กนำศูนย์เดินสายไฟบนผนังคอนกรีตที่ได้ผลดีที่สุด คือ ควรนำเหล็กน้าศูนย์ที่จัดทำการเจียรให้มีลักษณะเรียวแหลมในส่วนปลายของเหล็กนำศูนย์ เพื่อให้รูที่ได้นัันสามารถกินปลายแหลมของตะปูคอนกรีตได้มากกว่าเดิม อันนี้เป็นเทคนิคของช่างผู้ชำนาญการ

เพราะเหล็กนำศูนย์ที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดนั้น โดยมากมักจะแหลมคมแต่ตรงปลายเท่านั้น ซึ่งเมือคุณตอกเขาไปในผิวคอนกรีตแล้ว จะได้รูที่มีขนาดกว้างเกินไป เมื่อนำตะปูคอนกรีตหรือตะปูต่อกรัดสายตอกแทนที่ลงไป ย่อมทำให้ปูนที่ฉาบผนังนั้นแตกออกเป็นแผ่น หรืออาจท้าให้ตะปูนั้นงอ และกระเด้ง ออกจากรู ได้


เข็มขัดรัดสายเบอร์ 0-2

หนึ่งในเครื่องมือช่างไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้นั่นคือ เข็มขัดรัดสายหรือ กิ๊บรัดสายไฟนี้โดยมากจะเป็นอะลูมิเนียม จะมีรูตรงกลาง 1-2 รู ตามแต่ขนาด เบอร์และความยาวของเข็มขัดรัดสายนั้นอะลูมิเนียม จะมีรูตรงตะปูเข้าไปช่วยยืดเข็มรัดสายนกับผนังไม้หรอคอนกรต ซึ่งขนาดจะเริ่มตั้งแต่เบอร์ 0-8 ให้เราเลือกใช้ตามความเหมาะสมของงาน เช่น เข็มขัดรัดสายขนาดเบอร์ 0 จะสามารถรัดสายไฟชนิดแข็งเส้นเดียวได้อย่างพอดีที่


แนะนำให้หาเข็มขัดรัดสายที่มีขนาดเบอร์ 0-2 ก็เพราะโดยทั่วไปแล้วการเดินสายไฟเพื่อติดตงอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ มักใช้สายไฟเต็ง VAF หรือสายคู่ขนาด 2 x 1.5-2 x 2.5 ตังนั้นเข็มขัดรัดสายตั้งแต่เบอร์ 0-2 ย่อมเหมาะกับการเดินสายไฟประเภทนี้ เช่น 2 x 1.5 มักใช้งานกับการเดินสายไฟเพื่อติดตั้งหลอดแสงสว่าง หรือ 2 x 2.5 มักใช้ในการเดินสายติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้นสิ่งสำคัญที่ต้องพึงระวัง ก็คือ การใช้เข็มขัดรัดสายที่มีขนาดไม่เหมาะสมกับสายไฟ


ซึ่งจะทำให้การรัดสายไฟที่ยึดติดกับผนังนันหลวม จึงอาจจะทำให้เกิดอันตราย เช่น สายไฟเกิดบิดตัว ทำให้เข็มขัดรัดสายที่หลวมนั้น บาดลีกเข้าไปในฉนวนห้มสายไฟ อาจจะทำให้กระแสไฟฟ้าร้าออกมาได้ หรือเข็มขัดรัดสายที่หลวม อาจทำให้สายหลุดออกจากจุดต่อสายได้ เหตุเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ทั้งสิ้น


สว่านอเนกประสงค์ สามารถเจาะไม้ และ คอนกรีตได้

ตัวสว่านอเนกประสงค์นี้ โดยมากจะไช้ในงานติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่นการติดตั้งตู้คอนโทรล โคมไฟ บล็อกไฟติดผนังต่างๆ ฯลฯ ส่วนงานที่ใช้ในการเดินสายไฟนั้นมีน้อยมาก ส่วนมากจะใช้ในกรณีที่เกิดปัญหาในการเดินสายไฟบนผนังคอนกรีต ที่ผ่านการฉาบมานานหลายสิบปี จึงทำให้การตอกตะปูเกิดความเสี่ยงที่ปูนจะแตกร่อนออกมาเป็นแผ่นได้ง่ายนั้นเอง สว่านจึงเป็นเครื่องมือช่างไฟฟ้าที่ยอดฮิต อีกชนิดหนึ่ง


สว่านขันสกรู

เครื่องมือช่างไฟฟ้าที่กำลังมาแรงคือเครื่องขันสกรูหรือไขควงไฟฟ้า โดยมากสว่านขันสกรูประเภทนี้ จะเป็นสว่านที่ใช้แบตเตอรี่เป็นตัวเก็บพลังงานไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกในจุดที่สายปลั๊กไฟเข้าไม่ถึง และสะดวกในการเคลื่อนย้าย อีกทั้งยังช่วยให้คุณสามารถขันหรือถอนสกรูในการติดตั้ง หรือถอนการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า


มัลติมิเตอร์

มัลติมิเตอร์นี้ จะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการวัดกระแสไฟฟ้าที่ปล่อยออกมาจากตู้ควบคุม เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า กระแสไฟฟ้าที่ไหลเวียนในการใช้ประโยชน์ในบ้านของเรานั้น ต่ำกว่า 220 โวลต์ หรือเกินกว่า 250 โวลต์หรือไม่เพราะบางครั้งอาจเกิดกระแสไฟฟ้าตก หรือลูกเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่เป็น Main ใหญ่เกิดการทริป หรือตัดกระแสไฟฟ้าเกิดขึ้นบ่อยครั้งเช่นนั้นแล้ว มัลติมิเตอร์จึงเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบกระแสไฟฟ้าภายในบ้านได้อยู่แม่นยำ

เพื่อจะได้แจ้งหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอหม้อแปลงในชุมชนในกรณีที่เกิดปัญหาได้ทันท่วงที เครื่องมือมัลติมิเตอร์นี้ จะมีอยู่หลายรุ่นหลายแบบ โดยมากมีคุณสมบัติที่ใช้วัดไฟฟ้าที่เป็นกระแสสลับ (AC) ซึ่งเป็นระบบกระแสไฟฟ้าที่ใช้ปกติในบ้านเรือน หรือใช้วัดไฟฟ้าที่เป็นกระแสตรง (DC) ซึ่งเป็นระบบกระแสไฟฟ้าที่ได้จากลูกแบตเตอรีนั่นเอง

นอกจากนี้มัลติมิเตอร์ยังสามารถตรวจสอบการขาดของสายลวดทองแดงที่อยู่ภายในฉนวนหุ้มอีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่า เราย่อมมองด้ายตาเปล่าไม่เห็นว่าสายไฟเส้นนั้นขาด หรือมีศักยภาพของการเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ต่ำหรือไม่ โดยมัลติมิเตอร์จะมีโหมดวัดความต่อเนื่อง ซึ่งจะมีในรูปแบบของเสียง หรือเข็มที่หน้าปัด


เคลื่อนไหว

เช่น สมมุติว่า เราอยากรู้ว่าสายไฟเส้นนี้ขาดหรือไม่ ก็เพียงนำสายมิเตอร์ทางสองขั้วไปแตะที่ลาดตัวนำทองแดง ทั้งด้านหัวสายและปลายสาย ถ้าสายไฟฟ้าเส้นนั้นไม่ขาด ก็จะปรากฏมีสัญญาณดังต่อเนื่องเกิดขึ้น หรือเข็มที่หน้าปัดจะวิงขึ้นไปตามค่าความต้านทานที่มีอยู่ในสายไฟนั่นเองหรืออาจพบปัญหาในกรณีที่หลอดไฟภายในด้ามไขควงเชคไฟติดสว่างน้อยกว่าปกติ

หรือติดๆ ดบๆ เพื่อความแน่ใจให้น้ามัลติมิเตอร์นี้ไปวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหลอยู่นั้นว่ามีค่ากระแสเท่าไหร่ เพี่อให้ใด้สาเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั่นเอง นับได้ว่า มัลติมิเตอร์เป็น แลนมาร์ค ของเครื่องมือช่างไฟฟ้า เลยทีเดียว

ซ่อมบำรุงอาคาร: เครื่องมือช่างไฟฟ้า ที่สมควรมีไว้ติดบ้าน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/