ผู้เขียน หัวข้อ: จัดฟันเด็ก: ลูกฟันห่าง ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ มาดูวิธีแก้กันดีกว่า  (อ่าน 133 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 473
  • ลงโฆษณาฟรี ประกาศขายสินค้าออนไลน์ ซื้อขายแลกเปลี่ยน
    • ดูรายละเอียด
คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตเห็นว่าทำไมยิ่งโตขึ้นลูกฟันห่างขึ้นทุกที แล้วมีวิธีแก้ได้ด้วยตัวเองหรือไม่ ถ้าให้คุณหมอจัดการให้ต้องทำยังไงบ้าง วันนี้เรามีคำตอบครับ


ทำไมลูกฟันห่าง

ฟันห่างเป็นฟันที่มีช่องว่างระหว่างฟันกว้างเกิน 0.5 มม. ขึ้นไป หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกมีใบหน้าใหญ่ขึ้น มีเหงือกขยายขึ้นแต่ขนาดฟันน้ำนมยังเท่าเดิมแสดงว่ากำลังจะมีฟันแท้งอกขึ้นมา ตามธรรมชาติแล้วฟันจะค่อยๆ ห่างออกจากกันโดยเฉพาะฟันซี่หน้าด้านบน เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับฟันแท้ที่มีลักษณะใหญ่กว่าฟันน้ำนม งอกขึ้นมาแทนที่นั่นเอง


นอกจากนี้ภาวะฟันห่างยังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมที่ฟันและกระดูกขากรรไกรไม่สัมพันธ์กันซึ่งถ่ายทอดมาจากรุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย, เนื้อเยื่อในช่องปากเจริญเติบโตมากเกินไปจนดันฟันแยกออกจากกัน, ลูกเป็นโรคเหงือกอักเสบ ทำให้กระดูกรองฟันหลุดออก, การสูญเสียฟัน, มีฟันงอกเกินขึ้นมา, ภาวะลิ้นดันฟันที่ทำให้ลิ้นดันฟันหน้าและเกิดแรงกดจนฟันห่าง รวมถึงพฤติกรรมอื่นที่เกิดจากความเคยชิน เช่น ดูดนิ้ว, ลิ้นดุนฟัน ฯลฯ
 
ข้อเสียของฟันห่างหากปล่อยไว้นาน

    สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ทำให้เด็กกังวลใจและไม่กล้ายิ้มได้อย่างเต็มที่
    มีเศษอาหารติดระหว่างช่องว่างที่ห่างกันง่าย
    หากทำความสะอาดไม่ดีอาจก่อให้เกิดฟันผุตามมา
    หากเกิดจากปัญหาโรคเหงือกอาจทำให้ปวดเหงือก, เหงือกบวมแดง, มีเลือดออก, มีกลิ่นปากเหม็นตามมา


ฟันห่างแก้ได้ด้วยตัวเองมั้ย แล้วต้องรักษาอย่างไรดี

โดยทั่วไปปัญหาฟันห่างอาจหายได้เอง เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณฟันจะค่อยๆ สั้นลง และตัวฟันจะดันเข้าหากันมากขึ้นเมื่อมีฟันกรามงอกขึ้นมา แต่หากเวลาผ่านไปแล้วฟันยังห่างเหมือนเดิม ต้องเข้าใจก่อนว่าคนที่มีปัญหาฟันห่างนั้นไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทุกคน หากไม่ได้ฟันจากโรคเหงือกอักเสบ แต่ทั้งนี้ใครหลายคนเลือกที่จะรักษาฟันห่างเพื่อช่วยให้ภาพลักษณ์ดูดี ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากขึ้น และวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการรักษาฟันห่างกันว่ามีแบบไหนบ้าง

 
1. การจัดฟัน

ทันตแพทย์จะจัดฟันแบบติดแบร็กเก็ตเพื่อสร้างแรงดึงฟันและปิดช่องว่างระหว่างฟัน เพื่อให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการปรับโครงสร้างฟันใหม่ โดยให้คนไข้เลือกเครื่องมือจัดฟันตามความเหมาะสมของคนไข้เอง มีให้เลือกทั้งแบบเหล็กจัดฟัน, การจัดฟันแบบใส หรือจัดฟันแบบถอดได้ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลารักษาค่อนข้างนานเป็นปีและการดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งต้องพบทันตแพทย์ตามนัดเป็นประจำ ถึงจะได้ฟันเรียงสวยตามธรรมชาติ

 
2. การอุดฟัน

ทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนฟันเพื่อเติมเต็มขนาดของฟันแต่ละซี่ให้ชิดกัน และเคลือบฟันเพื่อลดความนูนของสันฟัน ทำให้ฟันเรียงตัวกันสวยงาม ถือเป็นขั้นตอนที่ไม่ต้องกรอฟัน หรืออาจกรอเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการรักษาประมาณ 30 – 45 นาที อีกทั้งทำให้คนไข้ไม่รู้สึกเจ็บปวดฟันขณะรักษา และรื้อออกได้โดยที่ฟันไม่เสียหาย ทั้งนี้ต้องระวังในการใช้ฟันหน้าสักนิดนึง เพราะการใช้ฟันที่อุดแทะอาหารแข็งเกินไปอาจทำให้เป็นโรคเหงือกอักเสบได้หากดูแลความสะอาดไม่เพียงพอ

 
3. การผ่าตัด

หากเป็นกรณีที่เนื้อเยื่อขอบเหงือกแทรกกลางระหว่างฟันมากเกินไปและทำให้ฟันห่างกันคุณหมอจะผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อออก หลังจากนั้นพื้นที่ที่ว่างจะค่อยๆ ปิดเองหากคนไข้ยังเป็นเด็ก

 
4. การทำรากฟันเทียม หรือสะพานฟัน

คุณหมอจะทำสะพานฟันให้แก่คนไข้ในกรณีที่ฟันถูกถอนก่อนวัยอันควรแต่ยังคงเหลือฟันธรรมชาติซี่ข้างเคียงที่แข็งแรง สามารถทำเป็นหลักยึดสะพานฟันได้ โดยคุณหมอจะใส่สกรูโลหะเข้าไปในกระดูกขากรรไกรและยึดเข้ากับฟันปลอม วิธีนี้เหมาะสำหรับเด็กที่สูญเสียฟันหลายซี่

 
5. การทำวีเนียร์

เป็นการปิดช่องว่างระหว่างฟันโดยกรอผิวฟันออกเล็กน้อยและพิมพ์ปากเพื่อทำเคลือบฟันเทียม (วีเนียร์) โดยใช้วัสดุที่ทำจากพอร์ซเลนซึ่งเป็นวัสดุที่ให้ความสวยงามและสีที่เหมือนฟันธรรมชาติ หลังจากนั้นคุณหมอจะนัดมาติดวีเนียร์เข้ากับฟันแท้เพื่อปกปิดช่องว่างระหว่างฟันนั่นเอง

 
6. รักษาโรคเหงือกอักเสบ

หากเด็กเป็นโรคเหงือกอักเสบ คุณหมอจะรักษาโรคเหงือกอักเสบ และกำจัดคราบจุลินทรีย์รวมถึงหินปูนสะสมออกเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหากปล่อยไว้นาน จากนั้นจึงทำการรักษาด้วยการอุดฟันต่อไป

 
ป้องกันฟันห่างให้ลูกได้อย่างไรบ้าง

    สังเกตและรักษาพฤติกรรมที่ทำเพราะความเคยชินที่ทำให้ลูกฟันห่าง เช่น ใช้ลิ้นดุนฟัน, ดูดนิ้วเล่น เป็นต้น
    แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง หรือทุกครั้งหลังมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที
    ใช้ไหมขัดฟัน และน้ำยาบ้วนปากควบคู่กันไปด้วย เพื่อประสิทธิภาพการดูแลช่องปากที่ดีกว่า
    ไปหาหมอฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน หากมีปัญหาฟันอยู่แล้วควรไปทุกๆ 3 เดือน



จัดฟันเด็ก: ลูกฟันห่าง ปล่อยไว้ไม่ดีแน่ มาดูวิธีแก้กันดีกว่า อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/